วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2567

ผิดไหมถ้าชอบ Mothra มากกว่า Godzilla 55555 : ว่าด้วยเรื่อง Godzilla แบบย้อน Memory

      

              สิงโตทำท่าเหมือน Godzilla
     พาหลานไปดู Godzilla x Kong: The New Empire
            หากย้อนกลับไปในช่วง ๓๐ ปีที่แล้ว  ในตอนที่คอมพิวเตอร์ยังไม่อยู่เกลื่อนเมือง เด็ก ๆ ยังคงมีเพื่อนในจินตนาการธรรมชาติรอบตัว  ของเล่นทำมือ  ของเล่นที่เป็นวัตถุจับต้องได้  ลูกแก้ว และหนังสือการ์ตูน  สิ่งมีชีวิตจากจินตนาการหรืออาจจะมีจริงกันแน่นะ ? ที่มักคิดเสมอในตอนนั้น คือ ก็อตซิลล่า  ซึ่งจะกล่าวว่าเป็นเพื่อนรักในวัยเด็กก็ไม่อาจพูดได้เต็มที่เพราะภาพลักษณ์ของเจ้าเบิ้มนี้ถูกตีความและนำเสนอแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง ปกป้องโลกบ้าง ทำลายโลกบ้าง สลับกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ภาพอันยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม (เกรงกลัว) เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของก็อตซิลล่า
          ตอนเป็นเด็กจำได้เลยว่าแถวบ้านมีร้านเช่าวิดีโอ เราก็ชวนป้า ชวนแม่ ชวนพี่ไปเช่ามาดูบ่อยมาก บางตอนก็ซื้อเอง ดูไปกรอไป เครื่องกรอเมื่อก่อนใช้มือ ต้องใช้ความสามารถพิเศษพอสมควรเพื่อจะรู้ว่ากรอถึงตอนที่ต้องการแล้ว 55555  
           ดนตรีประจำตัวของพี่เบิ่มที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ติดตัวติดหูที่นึกถึงภาพของพี่เบิ้ม godzilla คราวใดดนตรีประจำตัวนี้ก็จะดังขึ้นทุกครั้งมีความยิ่งใหญ่และองอาจอย่างที่สุด

         ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของก็อตซิลล่าในวัยเด็กของเราเกิดจากภาพที่เห็นด้วยตาของตัวก็อตซิลล่าเองจริง ๆ ไม่ได้เป็นเพราะการตีความสัญลักษณ์ว่า ก็อดซิลล่าเป็นตัวแทนของความกลัวที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก มีต่อระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิแต่อย่างใด 
         อย่างไรก็ดีส่วนตัวเราเองไม่ได้ชอบก็อตซิลล่ามากที่สุดในภาพยนตร์ในเครือจักรวาลไคจูนี้ แต่ขวัญใจเราที่แท้จริงคือ มอสร่า หรือ มอธร่า แล้วแต่ใครจะเรียก แต่คำต้นฉบับภาษาอังกฤษ คือ Mothra ซึ่งมาจากคำว่า Moth ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า ผีเสื้อกลางคืน    Mothra เป็นตัวละครผีเสื้อยักษ์ที่สง่างาม (ความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ แต่คิดว่าคนอื่นก็คงคิดเหมือนกัน) ในท่าทีที่ปรากฏตัวแสดงภาพของสัตว์ยักษ์เพศเมีย เนื่องจากมีการกล่าวถึงการวางไข่ ภาพแทนของแม่ผู้ปกป้องดูแล ไม่เพียงแต่ไข่ของเธอเท่านั้น แต่หลายครั้งที่ Mothra ปรากฏตัว มักมาเพื่อปกป้องโลก และมนุษย์ด้วย ราวกับเป็นภาพแทนของ Mother Earth คือ พระมารดาแห่งโลก  ซึ่งแต่ละครั้งที่กล่าวถึง Mothra มักมีการกล่าวถึงชนเผ่า กลุ่มคน จำนวนหนึ่งที่บูชา สักการะ Mothra และเธอก็ปกป้องประชาชนของเธอเช่นกัน ซึ่งภาพของกลุ่มคนนั้นมักแสดงให้เห็นถึงภาพของมนุษย์ที่ยังมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ซึ่งคู่ควรต่อการได้รับการปกป้อง คุ้มครองโดยธรรมชาติ


ภาพลักษณ์ของ Mothra ในหลากหลายเวอร์ชั่น

พลังของ Mothra ในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในภาคต่าง ๆ 





                     พลังของ Mothraมีทั้งใช้ลมการปีก ผงที่ผลิตขึ้น หรือเปลี่ยนพลังงานจากธรรมชาติโจมตีศัตรู






      เพลงประกอบการปรากฏตัวของ Mothra ในภาคต่าง ๆ 



        Mothra ได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ Godzilla หลายภาคตลอดจักรวาลของภาพยนตร์ไคจู เช่น ภาค Godzilla vs. Mothra      Mothra ได้ต่อสู้เคียงข้างกับค Battra เพื่อเอาชนะ Godzilla
ในตอน  Godzilla, Mothra and King Ghidorah: Giant Monsters All-Out Attack   Mothra เป็นหนึ่งในสามของ Guardian Monsters  (สัตว์ประหลาดผู้พิทักษ์) ที่ปกป้องญี่ปุ่นจาก Godzilla   เป็นต้น
ในการนำมาสร้างอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่โดย Legendary Pictures และ Warner Bros  นั้น Mothra ได้ปรากฏตัวในภาพวาดถ้ำในภาพยนตร์เรื่อง Kong: Skull Island ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองใน Monsterverse  และได้ปรากฏตัวใน Godzilla: King of the Monsters ในปี 2019 ซึ่งเป็นภาคต่อของ Godzilla ของ Legendary จากปี 2014
     การนำเสนอภาพลักษณ์ของ Mothra มีผู้ชมและนักวิชาการนำมาตีความอย่างหลากหลาย Mothra มักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของพลังในการอนุรักษ์ธรรมชาติและเป็นศูนย์รวมของความสมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงถึงด้านที่สงบสุขและความเมตตาของโลกธรรมชาติ 

      ในการสร้างภาพยนตร์ของ Legendary Pictures และ Warner Bros นั้น Mothra ได้ปรากฏให้เราเห็นถึงสองครั้ง คือ ครั้งแรกที่ยอมเสียสละตัวเองในระหว่างการต่อสู้ที่บอสตัน Mothra  เอาชนะ Rodan ได้ และถูกพลังแสงจาก King Ghidorah ในการปกป้อง Godzilla   เศษซากและผงจากตัว Mothra ที่ร่วงหล่นถูกถ่ายโอนไปยัง Godzilla และช่วยให้เอาชนะ Ghidorah ได้





                 ในการกลับมาครั้งที่สองของ Mothra ใน Godzilla x Kong: The New Empire นั้น Mothra มาเพื่อเจรจาให้ Godzilla และ Kong รวมกันเพื่อต่อสู้กับ Skar King   โดยครั้งนี้ Mothra ได้เกิดความเชื่อมโยงของเจีย (เด็กผู้หญิงจากเกาะกะโหลกที่สื่อสารกับคองได้) โดยเจียนั่นเองที่ปลุกให้ Mothea ตื่นขึ้น ซึ่งเป็นไปตามคำทำนายของอิวี ที่ว่า เด็กหญิงจากเกาะกะโหลกเท่านั้นนจะเป็นผู้ปลุก Mothra ให้ตื่นขึ้น 

            เรื่องราวในตอน  Godzilla x Kong: The New Empire (สังเกตว่าไม่ได้ใช้คำว่า VS แต่ใช้ x คั่นแทนระหว่างคำว่า Godzilla กับ Kong) เริ่มเล่าถึงสามปีหลังจากเอาชนะเมก้าก็อดซิลล่าได้   คองก็ได้กลับไปใช้        ชีวิตในฮอลโลว์เอิร์ธและค้นหาเผ่าพันธุ์ของเขามากขึ้น (คองคงเหงานะ เพราะเป็นสัตว์สังคม) ส่วนบนโลก        ก็อดซิลล่ายังคงรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างมนุษยชาติกับสัตว์ประหลาดอื่น โดยหลังจากที่มันฆ่าซิลล่า (Scylla) ในโรมแล้ว มันก็นอนพักผ่อนในโคลอสเซียมอยู่แบบนั้น   
           ในช่วงเวลาต่อมาด่านสังเกตการณ์ของโมนาร์ช (Monarch)  ที่ประจำการอยู่ในฮอลโลว์เอิร์ธ รับสัญญาณแปลก ๆ ที่ไม่มีที่มาที่ไป  สัญญาณดังกล่าวทำให้เจีย (Jia)  ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของชนเผ่าอิวี (Iwi) จาก เกาะกะโหลก (Skull Island) พบกับอาการประสาทหลอนและภาพย้อนอดีต ทำให้ Dr. Ilene Andrews แม่บุญธรรมของเธอกังวล เมื่อก็อดซิลล่าได้สัมผัสถึงสัญญาณนั้นเช่นเดียวกัน ก็อดซิลล่าก็ออกจากโรมและโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฝรั่งเศสเพื่อดูดซับรังสี 
          จากนั้นก็อดซิลล่า ก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำของ Tiamat  (ไคจูที่มีพลังมาก) ในแถบอาร์กติก โมนาร์ชเชื่อว่า        ก็อดซิลล่ากำลังเสริมกำลังตัวเองเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้น   ด้านของคองในฮอลโลว์เอิร์ธได้เกิดหลุมยุบใกล้ที่ ๆ มันอยู่ ที่นั่นคองก็ค้นพบดินแดนที่ไม่เคยมีใครรู้จักมากก่อนและพบสายพันธุ์ของมันในที่แห่งนั้นซึ่งถูก Skar King ปกครองอยู่อย่างกดขี่ข่มเหง ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อไปในเรื่องนี้



สมิทธิ  อินทร์พิทักษ์
7 เมษายน 2567
พุทธมณฑล สาย 4

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567

ตอนที่ ๑ รีวิว No Go the Bogeyman เขียนโดย Marina Warner (ภาพลักษณ์ของปีศาจ สัตว์ประหลาด ตัวละครชวนสยองเพศผู้ในนิทาน ตำนาน วรรณกรรม และสื่อสมัยใหม่)



No Go the Bogeyman โดย Marina Warner
หนังสือเล่มนี้ศึกษาและเล่าถึงต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของ "ตัวละครที่น่ากลัวที่มีลักษณะเป็นเพศชาย" ในวัฒนธรรมตะวันตก โดยเปิดเผยความกลัวและความวิตกกังวลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ของเราทุกคน ส่วนแรกเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงต้นกำเนิดของ "ตัวละครที่น่ากลัวที่มีลักษณะเป็นเพศชาย" ในตำนานพื้นบ้านและวรรณกรรม 

ภาพลักษณ์ของโครนัสกินลูกตัวเอง สร้างภาพของตัวละครฝ่ายชายที่น่ากลัว
ภาพชายสวมชุดตัวละครชายที่ชวนสยอง

ตัวละครชายกินเด็กในวรรณกรรมศตที่ 16

ผู้เขียนมองที่การเปลี่ยนแปลงของตัวละครนั้นจากสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและอันตรายไปเป็นตัวละครที่น่าสมเพชและน่าสงสาร รวมถึงวิเคราะห์บทบาทของตัวละครในเรื่องเล่าพื้นบ้านและวรรณกรรมคลาสสิก เช่น "Hansel and Gretel" และ "Dracula"


ผู้เขียนยังสำรวจการใช้   ตัวละครที่น่ากลัวที่มีลักษณะเป็นเพศชาย ในวัฒนธรรมสมัยนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพยนตร์และโทรทัศน์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวละครเหล่านี้ได้กลายเป็นตัวแทนของความกลัวและความวิตกกังวลร่วมสมัยของมนุษย์อย่างเรา ๆ  เช่น ความกลัวต่อคนแปลกหน้า ความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ และความกลัวต่อการสูญเสียความเป็นมนุษย์


Lycaon อาชญากรรมกินคนเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าตัวแรก เดส์โปเอตส์ ปารีส ค.ศ. 1493

นอกจากนี้ ผู้เขียนยังให้ข้อสังเกตว่า สัตว์ประหลาด ยักษ์ และสัตว์ร้ายที่ฆ่าและกินเนื้อมนุษย์นั้น นอกจากจะเป็นตัวแทนของความน่ารังเกียจต่อสังคม อารยธรรม และครอบครัวที่หลากหลาย ยังเป็นเครื่องมือในการแสดงความคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสมและความสงบเรียบร้อย เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดหรือปีศาจที่มีลักษณะเพศเมีย ซึ่งดุร้าย หิวกระหายเลือดกว่า

..... พักไว้ก่อน  .....
อารมณ์ยังไม่มา 55555