ในโลกที่หมุนไปไวเกินกว่าที่เราจะไล่ตามทัน วรรณกรรมเยาวชนไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่าก่อนนอนอีกต่อไปแล้วครับ แต่มันคือกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพสังคม และบางทีก็สะท้อนภาพที่เราอยากเห็นในอนาคต ภาพที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและโอบกอดความหลากหลาย เหมือนเรื่องปรัชญาที่มักจะชวนเราคิดถึงความหมายของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว และความงดงามที่ซ่อนอยู่ในความไม่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเรามองเข้าไปในวรรณกรรมเยาวชนยุคใหม่ จะพบว่าการนำเสนอ "ความเป็นชาย" นั้นได้ขยับขยายพรมแดนออกไปไกลกว่ากรอบเดิมๆ ที่เคยจำกัดอยู่แค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพ หรือบทบาทของผู้นำผู้กล้าหาญเพียงอย่างเดียว ตัวละครชายในหนังสือเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นเพียงภาพอุดมคติที่จับต้องไม่ได้ แต่กลับมีชีวิตชีวา มีหัวใจ มีความรู้สึก และมีเรื่องราวที่ซับซ้อน เรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่น เข้าใจในความเป็นมนุษย์ และชวนให้ตั้งคำถามถึงนิยามของ "ผู้ชาย" ในแบบที่เราอยากเห็นในโลกใบนี้
เราได้เห็นตัวละครชายที่กล้าหาญพอที่จะแสดงความอ่อนแอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามักถูกสอนให้เก็บงำไว้ การร้องไห้เมื่อเสียใจ การขอความช่วยเหลือเมื่อไม่ไหว หรือการยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ ไม่ได้ทำให้พวกเขาน้อยลง แต่กลับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึง ความกล้าหาญที่แท้จริง ในการเผชิญหน้ากับความรู้สึกภายใน ยกตัวอย่างเช่น ชาร์ลี ตัวละครเอกในนวนิยายเรื่อง The Perks of Being a Wallflower ของ Stephen Chbosky (1999) ที่แม้จะเปราะบางและมีบาดแผลทางใจ แต่ก็กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนและยอมรับการเยียวยาจากผู้อื่น การนำเสนอเช่นนี้ช่วยเปิดพื้นที่ให้เด็กผู้ชายได้เติบโตในแบบที่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง ไม่ต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็งตลอดเวลา เพราะบางที การยอมรับว่าเราอ่อนแอ ก็คือจุดเริ่มต้นของพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่จะทำให้เราเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้งและอบอุ่นใจ
ยิ่งไปกว่านั้น วรรณกรรมเยาวชนยังแสดงให้เห็นว่าการเติบโตไม่ได้มาจากความสมบูรณ์แบบ แต่มาจาก การเรียนรู้ผ่านความไม่สมบูรณ์แบบ ตัวละครชายหลายคนเริ่มต้นด้วยข้อบกพร่อง ความลังเล หรือแม้กระทั่งการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นผู้ที่เติบโตและเป็นที่จดจำ เหมือนการเดินทางของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน จากซีรีส์ Percy Jackson & the Olympians (Riordan, 2005-2009) ที่แม้จะเริ่มต้นด้วยปัญหาการเรียนรู้และความหุนหันพลันแล่น แต่เขาก็เรียนรู้จากความผิดพลาด กลายเป็นผู้นำที่กล้าหาญและเป็นที่รัก การนำเสนอเช่นนี้สอนให้เรารู้ว่า การล้มไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือบทเรียนที่มีค่า และระหว่างทางของการลุกขึ้นใหม่นั้น เราจะมีกำลังใจคอยเคียงข้างเสมอ
และสุดท้าย วรรณกรรมเยาวชนกำลังฉายภาพให้เห็นว่า "ผู้ชาย" มีได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ได้มีแค่แม่พิมพ์เดียวที่สังคมกำหนดไว้ เราได้เห็นตัวละครชายที่ไม่ได้โดดเด่นด้านพละกำลังหรือกีฬา แต่กลับมีพรสวรรค์ในด้านอื่นๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี การทำอาหาร หรือการดูแลผู้อื่น พวกเขาอาจไม่ใช่ผู้นำทัพที่ยืนอยู่แถวหน้า แต่เป็นเพื่อนแท้ที่ซื่อสัตย์ เป็นผู้รับฟังที่ดี หรือเป็นคนที่คอยเยียวยาจิตใจ อย่าง รอน วีสลีย์ จาก Harry Potter (Rowling, 1997-2007) ที่แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าแฮร์รี่หรือเฮอร์ไมโอนี่ แต่เขาก็เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ กล้าแสดงความรู้สึก และเป็นเสาหลักแห่งมิตรภาพ หรือ ออกัสต์ ดับเบิลยู. มูน จาก The Girl Who Drank the Moon (Barnhill, 2016) ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมแต่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความรักอันยิ่งใหญ่ต่อครอบครัว ตัวละครเหล่านี้ยืนยันว่า ผู้ชายทุกคนมีความพิเศษในแบบของตัวเอง
เพื่อเห็นภาพมากขึ้น เราจะมาพิจารณาเรื่องราวของ ออกัสต์ "อ็อกกี้" พูลแมน จากนวนิยายเรื่อง Wonder (Palacio, 2012) อ็อกกี้คือเด็กชายวัย 10 ขวบผู้เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางใบหน้าขั้นรุนแรง (Treacher Collins syndrome) ซึ่งทำให้เขาต้องผ่านการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วน และต้องใช้ชีวิตที่ผ่านมาภายใต้หมวกกันน็อกในที่สาธารณะ การตัดสินใจที่จะก้าวออกจาก "บ้าน" ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขา ไปสู่โรงเรียนมัธยมต้นในฐานะนักเรียนปกติคนแรก คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ท้าทายทุกนิยามของ "ความเป็นชาย" ที่สังคมมักจะยัดเยียดให้
ความเป็นชายของอ็อกกี้ ไม่ได้วัดกันที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่มาจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่และความกล้าหาญที่จับต้องได้
ความกล้าหาญที่ไม่ใช่พละกำลัง
อ็อกกี้ไม่ได้เป็นผู้ชายที่แข็งแรงกำยำ หรือเก่งกาจด้านกีฬา ความกล้าหาญของเขาคือการเผชิญหน้ากับสายตาที่ตัดสิน การซุบซิบนินทา และการหลีกหนีของผู้คน การเดินเข้าไปในห้องเรียนในวันแรกโดยรู้ว่าทุกคนจะจ้องมอง คือการแสดงออกถึงความกล้าหาญทางจิตใจที่ยิ่งใหญ่กว่าการเอาชนะอุปสรรคทางกายภาพใดๆ เสียอีก เขาเลือกที่จะไม่หลบซ่อน แต่เลือกที่จะ เผชิญหน้ากับโลกด้วยตัวตนที่แท้จริง ซึ่งเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งสำหรับเด็กผู้ชายทุกคนว่าความเข้มแข็งไม่ได้อยู่ที่กล้ามเนื้อ แต่อยู่ที่หัวใจที่กล้าหาญพอที่จะเป็นตัวเอง
ความอ่อนโยนและการเห็นอกเห็นใจ
แม้อ็อกกี้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แต่เขากลับเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความเมตตา และความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น เขาไม่ได้โกรธแค้นหรือชิงชังโลกที่ปฏิบัติกับเขาอย่างไม่เป็นธรรม แต่เขายังคงพยายามสร้างมิตรภาพและตอบแทนความใจดีด้วยความใจดี การที่เขาสามารถให้อภัยและเข้าใจเพื่อนที่เคยทำร้ายจิตใจเขาได้ แสดงให้เห็นถึง ความเป็นชายที่แท้จริง ซึ่งเต็มไปด้วยการให้อภัยและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นี่คือคุณสมบัติที่สังคมต้องการจากผู้ชายอย่างยิ่งยวดในยุคปัจจุบัน
ความเป็นผู้นำที่ไม่ต้องแสดงอำนาจสั่งการใคร
อ็อกกี้ไม่ได้เป็นผู้นำที่ออกคำสั่งหรือชี้นำใคร แต่เขาเป็นผู้นำด้วย การเป็นตัวอย่างที่ดี ความอดทน ความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และความเมตตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมุมมองของเพื่อนๆ และคนรอบข้าง หลายคนเริ่มมองเห็น "คน" ในตัวอ็อกกี้ ไม่ใช่แค่ "ใบหน้า" ที่แตกต่าง เขาจุดประกายให้คนอื่นแสดงความกล้าหาญและเลือก "ความดี" (Choose Kind) ในแบบของตัวเอง สิ่งนี้สอนให้เราเห็นว่า "ความเป็นชาย" ของผู้นำไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับอำนาจหรือเสียงที่ดัง แต่สามารถมาจากจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์และแรงบันดาลใจที่ส่งต่อผ่านการกระทำ
ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและเป็นแรงสนับสนุน
เรื่องราวของอ็อกกี้ยังสะท้อนถึงบทบาทของ "ผู้ชาย" ในครอบครัวได้อย่างอบอุ่น พ่อของอ็อกกี้ (นาท พูลแมน) เป็นตัวอย่างของพ่อที่อ่อนโยน อบอุ่น สนับสนุนลูกอย่างเต็มที่ และแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผย เขามักจะใช้เสียงเพลงและอารมณ์ขันเพื่อปลอบโยนอ็อกกี้ และพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างลูกชายในทุกสถานการณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างอ็อกกี้กับพ่อของเขา ชวนให้เราตั้งคำถามถึงนิยามของ "พ่อ" และ "ความเป็นชายในฐานะผู้นำครอบครัว" ว่ามันไม่ใช่แค่การหาเลี้ยง แต่คือการเป็นเสาหลักทางอารมณ์ เป็นผู้ให้กำลังใจ และเป็นคนที่สามารถแสดงความรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
การนำเสนอ "ความเป็นชาย" ในเรื่อง Wonder จึงเป็นการทำลายกำแพงความคิดครับ การยอมรับว่า "ผู้ชาย" แต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง มีความฝันของตัวเอง และมีคุณค่าในแบบของตัวเอง เหมือนสีสันที่หลากหลายบนผืนผ้าใบเดียวกัน การที่เราเปิดใจยอมรับความแตกต่าง จะทำให้เราเห็นโลกใบนี้กว้างขึ้น และหัวใจของเราก็จะกว้างขึ้นตามไปด้วย พร้อมที่จะโอบกอดทุกความแตกต่างด้วยความรัก
วรรณกรรมเยาวชนจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่า แต่เป็นดั่งห้องเรียนขนาดใหญ่ที่สอนให้เด็กๆ ได้รู้จัก "ความเป็นชาย" ในมิติที่ลึกซึ้งและงดงามกว่าที่เคย และไม่เพียงแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ได้เรียนรู้ แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ได้ทบทวนนิยามของ "ผู้ชาย" ในแบบที่เปิดกว้างและอบอุ่นใจมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม
Barnhill, K. (2016). The girl who drank the moon. Algonquin Young Readers.
Chbosky, S. (1999). The perks of being a wallflower. MTV Books.
Haddon, M. (2003). The curious incident of the dog in the night-time. Doubleday.
Palacio, R. J. (2012). Wonder. Alfred A. Knopf.
Riordan, R. (2005-2009). Percy Jackson & the Olympians (Series). Miramax Books; Hyperion Books for Children.
Rowling, J. K. (1997-2007). Harry Potter (Series). Bloomsbury Publishing; Scholastic Corporation.
สมิทธิ อินทร์พิทักษ์
15 มิถุนายน 2568
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น