เมื่อฉันฟังเพลง Imagine ของ John Lennon อีกครั้ง แล้วได้ค้นพบอะไรบางอย่าง

เขียนโดย  สมิทธิ  อินทร์พิทักษ์

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสฟังเพลง Imagine ของ John Lennon อีกครั้ง ทำให้รู้สึกว่า ภาพความฝัน ภาพความหวังของจอห์น ช่างเป็นสิ่งที่งดงามแล้วเป็นที่ต้องการในสังคมที่วุ่นวายอย่างทุกวันนี้ 

John Lennon  นักร้องผู้โด่งดังในอดีตจนถึงปัจจุบัน

เพลง Imagine  เปิดตัวในปีค.ศ. ๑๙๗๑ เพลงนี้ถือเป็นเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับสันติภาพ ความฝันถึงโลกที่ไม่มีพรมแดน ไม่มีศาสนา หรือความขัดแย้ง เพลงนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ส่งเสริมความหวังและความสามัคคีในสังคม

เนื้อเพลง Imagine ของ John Lennon กล่าวถึงการจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ทั้งพรมแดน ศาสนา หรือทรัพย์สินส่วนตัว เป็นโลกที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเท่าเทียม โดยตัวเพลงมุ่งเน้นให้เราลองนึกถึงสิ่งที่เป็นไปได้ หากโลกปลอดจากสิ่งที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยก ความโลภ และสงคราม


"Imagine there's no heaven

It's easy if you try

No hell below us

Above us, only sky

Imagine all the people

Living for today..."


ส่วนตัวฉันมีมุมมองที่เชื่อมโยงไปว่า เพลง Imagine ของ John Lennon อาจเกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่อง  "จิตเดิมแท้" ได้ในแง่ที่กล่าวถึงสภาพจิตใจที่ไร้ความขัดแย้งและการแบ่งแยก ซึ่งคล้ายกับแนวคิดของ จิตเดิมแท้ ที่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์ เป็นอิสระจากอัตตาและสิ่งยึดติดต่าง ๆ

นอกจากนี้การจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีศาสนา พรมแดน หรือวัตถุในบทเพลง อาจสะท้อนถึงการกลับคืนสู่สภาพจิตที่สงบ และไม่มีการแบ่งแยก โดยในทางจิตวิญญาณพูดถึง นั่นคือ จิตที่บริสุทธิ์อยู่แล้วเมื่อไม่มีความยึดมั่นในสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตตา ความคิด หรือวัตถุนิยม

โดยข้อมูลที่นำมาเล่าเรื่องจิตเดิมแท้ ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่ฉันได้ศึกษาจากหนังสือและคลิปวิดีโอจำนวนมาก หนึ่งในหนังสือเล่มนั้นคือ The Power of Now ของ Eckhart Tolle นั้นสามารถทำได้ในด้านของแนวคิดเกี่ยวกับการปลดปล่อยจิตใจจากการยึดติดกับอัตตาและสิ่งภายนอก เพื่อเข้าสู่สภาวะจิตที่บริสุทธิ์และการอยู่กับปัจจุบันขณะ ซึ่งทั้งสองนี้มีความสอดคล้องกันในแง่ของการค้นหาความสงบในใจและการเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อโลก

หนังสือ The Power of Now ของ Eckhart Tolle และเล่มอื่น ๆ ที่หัวนอน


การปล่อยวางจากความยึดติด ใน The Power of Now ของ Tolle เน้นถึงความสำคัญของการปล่อยวางจากการยึดติดกับอดีตและอนาคต และเน้นให้จิตอยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่ยึดถือกับตัวตนทางอัตตาและสิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ เช่นเดียวกับเพลง Imagine ที่กล่าวถึงการจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีสิ่งยึดติด เช่น ศาสนา พรมแดน หรือความแตกต่างทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สร้างความแตกแยกและความทุกข์ (เรื่องความทุกข์นี่กำลังศึกษาอยู่เหมือนกัน จากหนังสือ No Mud, No Lotus ของ ท่านติช นัท ฮันห์) 

การอยู่กับปัจจุบันใน The Power of Now สอนถึงการค้นหาความสุขและความสงบในปัจจุบันขณะ การจินตนาการโลกที่ "Living for today" (อยู่กับวันนี้) ที่ John Lennon กล่าวถึงใน Imagine ก็เป็นการเน้นถึงความสำคัญของการอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องยึดมั่นกับสิ่งที่ยังไม่เกิดหรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต เป็นการจินตนาการโลกที่ปราศจากความกังวลและการแบ่งแยก ซึ่งคล้ายกับการอยู่ในสภาวะจิตที่ Tolle เรียกว่า “Now” หรือ "ปัจจุบันขณะ"

สิ่งที่ The Power of Now ต้องการจะบอกคือการเน้นถึงการกลับคืนสู่จิตเดิมแท้ ซึ่งเป็นจิตที่ไม่มีความวุ่นวายจากอัตตาและความคิดฟุ้งซ่าน เช่นเดียวกับเพลง Imagine ของ Lennon ซึ่งพูดถึงการสร้างสังคมที่ไร้การแบ่งแยกและความขัดแย้ง ทำให้คนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข นี่อาจสะท้อนถึงจิตเดิมแท้ที่ปลดปล่อยจากความยึดติดตามแนวคิดของ Tolle

หากเราลองเชื่อมโยงประเด็นที่ว่านี้ อาจได้เห็นถึงการที่ทั้ง Imagine และ The Power of Now มุ่งเน้นการสร้างโลกที่สงบ ผ่านการปรับเปลี่ยนทัศนคติและการปลดปล่อยจิตใจจากความยึดติด วรรณกรรมทั้งสอง (หนังสือและเพลง) สนับสนุนแนวคิดที่ว่า ***"สันติสุขในโลกเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงจิตใจและการกลับสู่จิตเดิมแท้ที่มีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน"***

แน่นอน ในฐานะครูสอนวรรณกรรมและคนวรรณกรรมสำหรับเด็กอย่างฉัน (แม้ปัจจุบันจะศึกษาปรัชญา จิตวิญญาณและฟิสิกส์ควอนตัมหนักมากก็ตาม 555) ก็ไม่ลืมที่จะหยิบยกวรรณกรรมสำหรับเด็กมาพูดถึง คือเรื่อง โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล (Jonathan Livingston Seagull ) เขียนโดย Richard Bach (จะว่าวรรณกรรมสำหรับเด็กตรง ๆ ก็ไม่เชิง เรียกว่าวรรณกรรมแนวปรัชญาก็แล้วกัน แต่ฉันอ่านตอนเรียนวรรณกรรมเด็ก แล้วคิดว่าก็สนุกดี เด็กอ่านก็ได้แหละ 555)        ในแง่ของการแสวงหาเสรีภาพ การค้นพบตัวตน และการปลดปล่อยจิตใจจากขีดจำกัดที่ถูกกำหนดโดยสังคมหรือความคิดเดิม ๆ


ย้อนกลับไปที่เพลง Imagine  Lennon เชิญชวนให้เราจินตนาการถึงโลกที่ไร้พรมแดน ไร้ศาสนา และไร้การแบ่งแยก ซึ่งเป็นการปลดปล่อยจิตใจจากขีดจำกัดที่โลกภายนอกสร้างขึ้น ส่วนในเรื่อง Jonathan Livingston Seagull ตัวละคร โจนาธาน เป็นนกนางนวลที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดทางการบินแบบเดิม ๆ ของฝูง เขาแสวงหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าเพียงการหาอาหาร (ส่วนตัวมองว่าการกินคือการบริโภคและวัตถุนิยมตามกระแสสังคม) แต่ต้องการค้นพบเสรีภาพผ่านการบินที่เหนือชั้นขึ้นไป เช่นเดียวกับเพลง Imagine แนวคิดนี้มุ่งเน้นการฝ่าขีดจำกัดและการมองหาเสรีภาพที่แท้จริงของมนุษย์



โจนาธานได้ค้นพบตนเองและเรียนรู้การบินในรูปแบบที่ไม่มีใครในฝูงเคยทำได้ ไม่ต่างกับ Imagine ของจอห์น เรียกร้องให้เราจินตนาการถึงสิ่งที่อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้  "โลกที่สงบสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน" ถ้าเรามองผ่านข้อจำกัดทางความคิดเหล่านั้น การสร้างสรรค์สิ่งใหม่และความเป็นไปได้ก็จะเกิดขึ้นแบบที่โจนาธานกที่เชื่อว่ามีวิธีการบินที่ดีกว่าที่เขาเคยถูกสอนมา และเขาพยายามเรียนรู้เพื่อเข้าถึงศักยภาพที่สูงสุดของตัวเอง

ในตอนท้ายโจนาธานกลับมาสอนนกนางนวลรุ่นใหม่ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ และบินอย่างเสรี เหมือนกับ Imagine ที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้ฟังจินตนาการและลงมือสร้างโลกที่ดีกว่า 

อาจมองว่าทั้ง Imagine และ Jonathan Livingston Seagull สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าที่จะคิดนอกกรอบและก้าวข้ามกรอบความคิดที่จำกัด ตัวละครโจนาธานต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธจากฝูงนางนวลเพราะเขาเลือกเส้นทางที่แตกต่าง เช่นเดียวกับ Imagine ที่นำเสนอภาพโลกในอุดมคติที่บางคนอาจมองว่าเป็นไปไม่ได้ 

ต่อไปจากขอกลับมาพูดถึงประเด็นจิตเดิมแท้ และจิตเหนืออัตตาต่อ จะว่าไปมนุษย์เองมีความต้องการแสวงหาความสงบภายในจิตใจมาอย่างยาวนาน ผ่านการตื่นรู้และการค้นหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต 

เรามักเผชิญกับความทุกข์และความวุ่นวายที่เกิดจากความยึดติดกับตัวตนหรืออัตตา ความปรารถนาต่าง ๆ และการยึดถือกับมายาที่โลกกายภาพนำเสนอ 

นี่คือสิ่งที่ศาสนา ปรัชญา และงานวรรณกรรมจำนวนมากพูดถึง โดยเฉพาะผลงานที่สร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์เข้าใจถึงการหลุดพ้นจากความคิดที่เป็นมายาในโลก ดังที่ยกตัวอย่างเพลง Imagine ของ John Lennon  หนังสือ The Power of Now ของ Eckhart Tolle และวรรณกรรมเรื่อง Jonathan Livingston Seagull ของ Richard Bach

จิตเดิมแท้ หรือ (Original Mind) เป็นแนวคิดที่ถูกกล่าวถึงในปรัชญาและศาสนาต่าง ๆ เช่น ศาสนาพุทธ ซึ่งสื่อถึงสภาวะจิตที่บริสุทธิ์และไม่ถูกขัดขวางโดยความยึดติดหรือการแบ่งแยก ความหมายของจิตเดิมแท้นั้นคล้ายกับสิ่งที่ John Lennon กล่าวในเพลง Imagine ที่ขอให้เราจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีศาสนา ไม่มีพรมแดน และไม่มีความขัดแย้ง สิ่งเหล่านี้เป็นข้อจำกัดที่มนุษย์สร้างขึ้นบนพื้นฐานของอัตตาและความคิดที่แบ่งแยก

"Imagine there's no countries,

It isn't hard to do,

Nothing to kill or die for,

And no religion too."

ใน Jonathan Livingston Seagull จิตเดิมแท้ของโจนาธานนั้นปรากฏผ่านการที่เขาเลือกที่จะไม่ทำตามกฎเกณฑ์เดิม ๆ ของฝูงนางนวลที่บินเพียงเพื่อหาอาหาร แต่เขากลับแสวงหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในการบิน โจนาธานต้องการค้นพบความเป็นอิสระในชีวิตและบินให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงจิตเดิมแท้ที่ไม่ถูกจำกัดโดยกรอบความคิดเดิม ๆ ของฝูงนางนวล

โดยเรื่องของจิตเหนืออัตตา หรือการก้าวข้ามจากตัวตนที่เรายึดมั่นว่าเป็น "ตัวเรา" นั้นมีความสำคัญในทั้งสามผลงาน ใน The Power of Now โดย Tolle อธิบายว่าอัตตาคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยึดติดกับความทุกข์ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดและอารมณ์ ความยึดมั่นในอัตตาคือการที่เราคิดว่าเราคือความคิดหรือสิ่งที่เราได้สั่งสมมาในอดีต ทั้ง ๆ ที่ในความจริงแล้ว จิตของเรานั้นสามารถมีความสงบและอยู่เหนืออัตตาได้


Eckhart Tolle ผู้เขียน  The Power of Now

Tolle กล่าวต่อไปว่า การปล่อยวางอัตตานั้นเป็นการเข้าถึงสภาวะจิตที่เหนือกว่า ซึ่งก็คือการเข้าสู่ "ปัจจุบันขณะ" (Now) การอยู่กับปัจจุบันนั้นคือการที่จิตไม่ยึดติดกับอดีตหรืออนาคต และนี่คือจิตเดิมแท้ที่ไม่ถูกขัดขวางโดยอัตตา

ในเพลง Imagine ความคิดนี้สามารถสะท้อนผ่านการจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีการแบ่งแยกของพรมแดน ไม่มีสิ่งใดที่เราต้อง "ต่อสู้เพื่อ" ซึ่งสะท้อนถึง***การก้าวข้ามอัตตาที่มักยึดติดกับสิ่งภายนอก*** เช่น ความเป็นชาติ ความเป็นศาสนา หรือความโลภ

ตัวละครโจนาธานใน Jonathan Livingston Seagull ก็แสดงให้เห็นถึงการก้าวข้ามอัตตา เขาไม่ยอมให้ข้อจำกัดทางสังคมที่กำหนดว่านางนวลต้องบินเพื่อหาอาหารมากำหนดเขา แต่กลับเลือกเส้นทางของตัวเองที่จะบินเพื่อค้นพบเสรีภาพ การบินของเขาไม่ใช่เพียงเพื่อการอยู่รอด แต่เป็นการก้าวข้ามขอบเขตของชีวิตที่ถูกกำหนดโดยฝูงนางนวล เขาพิสูจน์ว่าจิตใจของเราสามารถอยู่เหนือกรอบสังคมและกรอบความคิดเดิม ๆ ได้

ซึ่งท้ายที่สุดคงไม่กล่าวถึงคำนี้คงไม่ได้ นั่นคือ การตื่นรู้ (Awakening) คือกระบวนการที่ทำให้มนุษย์ตระหนักถึงความจริงแท้ของชีวิต โดยหลุดพ้นจากมายาและข้อจำกัดที่สังคมและอัตตาได้สร้างขึ้น (หลุดพ้นจากมายานี่ต้องเขียนอีกบทความโดยอิงหนังสือเรื่อง ข้อตกลงเปลี่ยนชีวิต The Four Agreements  555 เชื่อมโยงเวอร์) การตื่นรู้นั้นถูกพูดถึงอย่างชัดเจนใน The Power of Now ซึ่ง อธิบายว่า มนุษย์สามารถตื่นรู้ได้เมื่อเราปล่อยวางอัตตาและกลับมาสู่ปัจจุบันขณะ เมื่อเราหลุดพ้นจากความคิดที่ยึดมั่นในตัวตน ความสำเร็จ และทรัพย์สมบัติ เราจะเห็นสภาวะจิตที่บริสุทธิ์และรู้แจ้ง นี่คือการตื่นรู้ถึงความจริงแท้ของชีวิต

"Realize deeply that the present moment is all you ever have. Make the Now the primary focus of your life."

การอยู่ในปัจจุบันขณะคือการตื่นรู้ที่ทำให้เราหลุดพ้นจากอัตตาและการยึดติดกับสิ่งที่สร้างมายาในโลกกายภาพ เราไม่จำเป็นต้องค้นหาความหมายจากอดีตหรือคาดหวังถึงอนาคต เพราะความจริงแท้ของชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะ และการปล่อยวางอัตตาจะนำไปสู่การตระหนักรู้ถึงความจริงนี้

ในเพลง Imagine  ก็มีกล่าวไว้เช่นกัน โดยอาจมองว่าเป็นการตื่นรู้สู่ความเป็นจริงที่บริสุทธิ์จากอัตตา ในเนื้อร้องที่กล่าวว่า:

"You may say I'm a dreamer,

But I'm not the only one.

I hope someday you'll join us,

And the world will be as one."

ราวกับจอห์นเชื่อว่ามนุษย์สามารถหลุดพ้นจากมายาของความคิดแบบเดิม ๆ และเข้าถึงความจริงแท้ที่อยู่ภายในจิตของตนเอง




การหลุดพ้นจากมายา (Maya) ในโลกกายภาพเป็นแนวคิดที่ปลดปล่อยจิตใจจากการยึดติดกับวัตถุ สิ่งที่โลกทางวัตถุและสังคมกำหนดไว้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ 

ใน The Power of Now กล่าวว่ามายาคือการที่มนุษย์หลงในความคิด ความรู้สึก และสิ่งที่เรามีในโลกกายภาพ  อัตตาคือสิ่งที่สร้างมายาขึ้นและทำให้เรายึดติดกับความปรารถนาและการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ โดยแท้จริงแล้ว การตระหนักรู้ในปัจจุบันขณะและการหลุดพ้นจากความคิดนั้นคือการหลุดพ้นจากมายาในโลกกายภาพ Tolle บอกว่า

"The primary cause of unhappiness is never the situation but your thoughts about it."

ความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้นไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในโลกกายภาพ แต่มาจากความคิดและอัตตาที่เรายึดมั่น ซึ่งเป็นการสร้างมายาที่ทำให้เราหลงเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ การหลุดพ้นจากมายาคือการที่เราปล่อยวางความยึดติดกับสิ่งภายนอกและเข้าถึงจิตเดิมแท้ที่ไม่ถูกขัดขวางจากสิ่งเหล่านี้

ในเพลง Imagine การปล่อยวางจากมายาในโลกกายภาพสามารถเห็นได้จากเนื้อร้องที่เชิญชวนให้เราจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีทรัพย์สินส่วนตัว

"Imagine no possessions,

I wonder if you can,

No need for greed or hunger,

A brotherhood of man."

ซึ่งอาจหมายถึงการหลุดพ้นจากมายาของโลกทางวัตถุ การยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์แบ่งแยกและแข่งขันกัน แต่หากเราปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ได้ เราจะสามารถสร้างโลกที่มีความสงบสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน


ในท้ายที่สุด เพลง Imagine, หนังสือ The Power of Now, และวรรณกรรม Jonathan Livingston Seagull ต่างนำเสนอแนวคิดที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับการค้นพบจิตเดิมแท้ การก้าวข้ามอัตตา และการตื่นรู้สู่ความจริงแท้ของชีวิต ทั้งสามผลงานนี้เสนอว่ามนุษย์สามารถหลุดพ้นจากมายาของโลกกายภาพและเข้าถึงเสรีภาพที่แท้จริงได้ผ่านการปล่อยวางความยึดติดและการตระหนักรู้ถึงปัจจุบันขณะ

เพลง Imagine เชิญชวนให้เราจินตนาการถึงโลกที่ปลอดจากการแบ่งแยกและมายาของความโลภและการแบ่งแยกทางวัฒนธรรม ในขณะที่ The Power of Now ชี้นำให้เราตระหนักถึงปัจจุบันขณะและปล่อยวางจากอัตตา และ Jonathan Livingston Seagull แสดงถึงการก้าวข้ามขีดจำกัดทางสังคมและมายาของการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ เพื่อค้นพบเสรีภาพและความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในชีวิต

ทั้งหมดนี้เป็นการชี้นำให้มนุษย์เข้าถึงจิตเดิมแท้ ซึ่งเป็นจิตที่บริสุทธิ์และไม่ถูกขัดขวางโดยอัตตาหรือมายา และเป็นหนทางสู่การตื่นรู้และความสงบสุขในโลกที่มักถูกปกคลุมด้วยมายาของโลกกายภาพ

การหลุดพ้นจากอัตตา (ego) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการตื่นรู้และการเข้าถึงจิตเดิมแท้ ซึ่งเป็นจิตที่ปลอดจากความยึดติดกับตัวตนหรือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาผ่านอัตตา ใน The Power of Now เน้นว่ามนุษย์ทุกคนสามารถเข้าถึงความสงบภายในได้หากเราสามารถหลุดพ้นจากการยึดติดกับความคิด ความปรารถนา และตัวตนที่เราคิดว่าเป็น "เรา"

Tolle กล่าวถึงการที่อัตตาทำให้เราหลงติดกับความคิดและประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต หรือความกังวลในอนาคต ซึ่งเป็นการสร้าง "มายา" ให้กับชีวิตเรา แต่ในความจริง จิตของเรานั้นเป็นอิสระจากสิ่งเหล่านี้ เมื่อเราสามารถหลุดพ้นจากอัตตาได้ เราจะสามารถตื่นรู้ถึงปัจจุบันขณะและเข้าถึงความสงบที่อยู่ภายในจิตใจได้ 

"The ego says, ‘I shouldn’t have to suffer,’ and that thought makes you suffer so much more. It is a distortion of the truth, which is always paradoxical. The truth is that you need to say yes to suffering before you can transcend it."

จากข้อความนี้อาจมองได้ว่า Tolle ต้องการเสนอว่าอัตตานั้นทำให้เราหลีกเลี่ยงหรือพยายามปฏิเสธความทุกข์ แต่ในความเป็นจริง ความทุกข์และความเจ็บปวดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในการตื่นรู้ เมื่อเรายอมรับความทุกข์โดยไม่หนีจากมัน เราจะสามารถหลุดพ้นจากความคิดที่เป็นอัตตาและเข้าถึงจิตเดิมแท้ที่ไม่มีการแบ่งแยกทางความรู้สึก

ฉากสำคัญใน Jonathan Livingston Seagull ที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากอัตตาคือเมื่อโจนาธานตัดสินใจบินออกจากฝูงนางนวลและเลือกที่จะฝึกฝนการบินที่สูงกว่า เขาท้าทายข้อจำกัดเดิม ๆ ที่ฝูงของเขายึดถือ เขาต้องต่อสู้กับความกลัวและความสงสัยที่เกิดจากการก้าวข้ามขอบเขตเหล่านั้น ซึ่งเป็นการท้าทายอัตตาที่สังคมได้สร้างขึ้นให้เป็นกรอบการดำเนินชีวิต

ในท้ายที่สุด โจนาธานได้ตื่นรู้ถึงความเป็นอิสระที่แท้จริงเมื่อเขาเข้าใจว่าการบินนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อการหาอาหารหรือการตอบสนองความต้องการของร่างกาย แต่เป็นการเข้าถึงเสรีภาพในจิตวิญญาณ เขาได้เรียนรู้ว่าจิตใจของเขานั้นสามารถไปไกลกว่าขอบเขตที่กำหนดโดยสังคม และเขาสามารถบินได้สูงขึ้นไปโดยไม่ยึดติดกับความกลัวหรือข้อจำกัดเดิม ๆ นี่คือการหลุดพ้นจากอัตตาที่แสดงถึงการค้นพบจิตเดิมแท้ที่เป็นอิสระจากทุกข้อจำกัด

จิตเดิมแท้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่ถูกปิดกั้นด้วยอัตตาและมายาที่โลกภายนอกสร้างขึ้น เมื่อเราสามารถตื่นรู้และหลุดพ้นจากอัตตาได้ เราจะสามารถเข้าถึงจิตเดิมแท้ซึ่งเป็นจิตที่บริสุทธิ์ ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีความยึดติด และเป็นอิสระจากสิ่งที่โลกภายนอกกำหนดไว้

ใน The Power of Now อธิบายว่าจิตเดิมแท้นั้นคือจิตที่อยู่ในปัจจุบันขณะ ไม่มีความคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคต และไม่ถูกขัดขวางด้วยความยึดมั่นในตัวตนหรืออัตตา นี่คือจิตที่สามารถรู้สึกถึงความสงบที่แท้จริงโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก ความรู้สึกนี้ถูกอธิบายว่าเป็นความรู้สึกที่ "อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้" โดยไม่ต้องพึ่งพาความสำเร็จหรือความปรารถนาในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

ใน Jonathan Livingston Seagull สือว่าจิตเดิมแท้ของโจนาธานปรากฏชัดเมื่อเขาเลือกที่จะบินอย่างเสรีโดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เดิม ๆ ที่ฝูงนางนวลของเขายึดถือ เขาได้เรียนรู้ว่าการบินนั้นไม่ใช่เพียงแค่การอยู่รอด แต่เป็นการเข้าถึงจิตวิญญาณที่สูงส่งกว่า เขาได้ตระหนักถึงความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งก็คือการบินได้อย่างอิสระโดยไม่ยึดติดกับข้อจำกัดใด ๆ นี่คือจิตเดิมแท้ที่ปรากฏเมื่อโจนาธานสามารถหลุดพ้นจากมายาและข้อจำกัดของสังคม

ในเพลง Imagine สื่อถึงจิตเดิมแท้ในลักษณะที่สร้างให้มองไปถึงโลกที่ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีศาสนา ไม่มีพรมแดน และไม่มีความขัดแย้ง สิ่งเหล่านี้เป็นข้อจำกัดที่อัตตาได้สร้างขึ้นเพื่อแยกมนุษย์ออกจากกัน หากเราสามารถกลับสู่จิตเดิมแท้ที่ไม่มีการแบ่งแยกและไม่มีความขัดแย้ง เราจะสามารถสร้างโลกที่สงบสุขและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

การหลุดพ้นจากมายาในโลกกายภาพนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในการเข้าถึงจิตเดิมแท้และการตื่นรู้ ในทั้ง The Power of Now   Imagine และ Jonathan Livingston Seagull เสนอให้เห็นว่าการหลุดพ้นจากมายาเป็นกระบวนการที่ทำให้เราสามารถเห็นถึงความจริงแท้ของชีวิตและปลดปล่อยตัวเองจากการยึดติดกับสิ่งที่โลกภายนอกสร้างขึ้น

ในตอนท้ายของทั้งสามผลงาน ไม่ว่าจะเป็น The Power of Now  Imagine หรือ Jonathan Livingston Seagull ทั้งหมดนำไปสู่การเข้าถึงปัจจุบันขณะและความสงบภายใน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ภายในจิตเดิมแท้ของมนุษย์ ความสงบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เราเป็น แต่ขึ้นอยู่กับการที่เราสามารถปลดปล่อยตัวเองจากความยึดติดและการยอมรับปัจจุบันขณะ

"To realize that you are not your thoughts is when you begin to awaken spiritually."

 The Power of Now - Eckhart Tolle


ท้ายที่สุด ***เสรีภาพและความสงบภายใน เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์สามารถหลุดพ้นจากอัตตาและมายาในโลกกายภาพ*** ทั้งสามผลงานนี้สอนให้เราตระหนักว่าความสุขและเสรีภาพที่แท้จริงไม่ได้มาจากสิ่งที่โลกภายนอกกำหนด แต่เกิดจากการค้นพบจิตเดิมแท้ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยความคิด ความเชื่อ หรือการยึดติดทางวัตถุ

การตื่นรู้และการปล่อยวางจากมายาเหล่านี้เปิดทางให้มนุษย์เข้าถึงจิตที่เป็นอิสระและสงบสุขซึ่งสามารถนำไปสู่การสร้างโลกที่สงบและเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง


สมิทธิ  อินทร์พิทักษ์

๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗

พุทธมณฑล สาย ๔

(จริง ๆจะเขียนบทความนี้ตั้งแต่เมื่อวาน) 

ปล. วันนี้มีแมวข้างนอกเข้ามาในบ้านแล้วถูกหมาที่เลี้ยงไว้กัดตาย เศร้ามาก บทความหน้าตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่ตาย เพื่อแมวตัวนี้ T_T

ความคิดเห็น