วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562

สำนึกรัก(ษ์)โลก จากเรื่องสู่ใจ

สำนึกรัก(ษ์)โลก จากเรื่องสู่ใจ


บทความโดย สมิทธิ อินทร์พิทักษ์







นโลกของการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรม ไปถึงสังคมแห่งเทคโนโลยี Digital เป็นการเปลี่ยนผ่านของสังคมแบบดั้งเดิมสู่สังคมสมัยใหม่ นั่นหมายถึงความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของมนุษย์ สังคมทุนนิยมที่มองมนุษย์เป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล เมื่อเรามีเทคโนโลยีที่สามารถอำนวยความสะดวกได้มากขึ้น สิ่งที่เราต้องแลกก็คือความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมหรือแม้กระทั่งชีวมณฑลของโลกใบนี้




การสร้างความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมในสังคมที่มนุษย์ ควรเริ่มทำตั้งแต่เล็ก นั่นหมายความว่าเราควรสร้างสำนึกเกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ความตระหนักเกี่ยวกับบุญคุณของแผ่นดินหรือบุญคุณของโลกใบนี้ให้เกิดกับเด็ก สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาในการนำเสนอความคิดเช่นนี้มักถูกมองเป็นประเด็นรองของการศึกษา เช่น การนำวิธีคิดแบบสีเขียวนำไปสู่ห้องเรียนมักจะเป็นเรื่องรองไม่ใช่เนื้อหาหลัก บางครั้งอาจจะเป็นการประยุกต์ให้เข้ากับเนื้อหาต่าง ๆ ทั้งนี้ความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในทางกลับกันควรจะเป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังและอยู่ในมโนสำนึกของเด็กเองตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว

ปัจจุบันแนวคิดเรื่อง ปัญหาสิ่งแวดล้อมและแนวคิดเชิงนิเวศวิจารณ์ได้เป็นประเด็นสำคัญในการศึกษาทั้งในเชิงเทคโนโลยี วรรณกรรม เราจะเห็นว่ามีโครงการ แคมเปญ การรณรงค์ หลายเรื่องที่มีความคิดสีเขียว หรือความคิดเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเป็นแกนหลัก วรรณกรรมและวรรณคดีก็มีแนวคิดทฤษฎีวิจารณ์เรียกว่า Ecocriticism  ทำให้แนวคิดการวิจารณ์เชิงนิเวศถูกนำมาพูดถึงในวงเสวนาต่าง ๆ และได้ออกหนังสือมากมายที่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ดี ความคิดเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมและประเด็นเกี่ยวกับนิเวศวิทยาหรือวรรณคดีวิจารณ์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมดูเหมือนจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่และนิสิตนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับสังคม ธุรกิจ การตลาด หรือแม้กระทั่งนักศึกษาด้านวรรณคดี แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้วเราจะทำอย่างไรให้เด็กมีความคิดเชิงนิเวศตั้งแต่ยังเล็ก สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือการสร้างบุคลาธิษฐานของโลกขึ้นมาในลักษณะของตัวตนของโลกที่มีชีวิตจิตใจ ลักษณะคล้ายกับแนวคิดเรื่อง Gaia โลกมีชีวิต หนังสือเรื่องดังกล่าวคือหนังสือภาพเรื่อง "Hello , Mister World" เขียนเรื่องราวภาพโดย Michael Forman




Hello, Mister World เล่าเรื่องโดยเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ผู้เขียนเรื่องเสนอภาพเป็นเด็กผู้หญิงผมบลอนด์และเด็กผู้ชายผิวดำซึ่งอาจจะสะท้อนถึงความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติและวัฒนธรรมของความเป็นคนผิวขาวและความเป็นคนผิวดำ สวมบทบาทตัวเองเป็นหมอโดยคนไข้ที่มาพบในวันนั้นไม่ใช่คนป่วยอื่นใดนอกจาก "โลกที่มีขาเดินได้" เดินทางมาพบคุณหมอ (หรืออาจจะกลายเป็นว่าคุณหมอทั้งสองเดินทางไปพบคนไข้คือโลกด้วยตนเอง) ทั้งสองใช้คำถามว่า
"Hello, Mister World how are you today"
โลกที่กลายเป็นบุคลาธิษฐานได้ตอบกลับว่า
"Not good I don't feel well"
ด้วยความตระหนกตกใจจากคำตอบของโลก คุณหมอทั้งสองจึงรีบถามกลับไปว่า
"We Are Sorry to hear that does not seem to be the matter ?"  
ในหน้านี้เราจะเห็นโลกมีเฉดสีดำอยู่ด้านหลัง โลกตอบกลับว่า
"I keep getting hot and sweaty I find it hard to breathe"
"Let's check your temperature. Oh you are much too hot hop onto the bed. Please Mr World and we’ll have a closer look." หมอน้อยทั้งสองคนตอบ

จากการวินิจฉัยของหมอน้อย ผลออกมากลายเป็นว่า โลกกำลังร้อนเกินไป คุณโลกเองจะต้องทำตัวให้เย็นลง ตอนนี้มีบางส่วนที่เป็นน้ำแข็งกำลังละลาย ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณโลกนี้กำลังร้อนมากขึ้นกว่าเดิมอีก หมอน้อยต้องการที่จะตรวจสอบและวินิจฉัยให้ละเอียดยิ่งขึ้น หมอน้อยใช้แว่นขยายส่องไปเห็นบรรดาสัตว์ตกอยู่ในอันตรายไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลายหรือการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนทำให้สัตว์หลาย ๆ ชนิดตกที่นั่งลำบาก



"What else is wrong"  เป็นคำถามจากโลกที่สงสัยสิ่งที่เกิด
ขึ้นภายในตัวเอง ในโอกาสนี้หมอน้อยได้เอกซเรย์เพื่อตรวจดูให้แน่ชัดจึงพบว่าปัญหาสุขภาพที่แย่ลงของโลกเกิดจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ควันไฟ



บรรดาสัตว์ต่างถามว่า "แล้วเราจะทำยังไงดีที่เราช่วยโลกนี้ให้ดีขึ้นได้" สัตว์ทุกตัวพร้อมที่จะร่วมมือกันช่วยฟื้นฟูโลกใบนี้อีกครั้ง ในหน้าสุดท้ายเป็นรูปของบรรดามนุษย์ทุกคนวิ่งกรูกันออกมาและสัญญาว่า
"And We will too ! We are the future Mr. Wolrd  and We will Look After You"









จากเรื่องดังกล่าวทำให้นึกถึงนิทานโบราณของจีนเรื่องหนึ่งที่ถึงวันที่โลกกำลังล่มสลาย บรรดาสัตว์ทุกตัวต่างวิ่งหาทางรอดชีวิต แต่มีนกอยู่ตัวหนึ่งไม่ยอมวิ่งไปไหน มันนอนราบกับพื้น ใช้ขาทั้งสองข้างชี้ขึ้นบนฟ้า บรรดาเพื่อนสัตว์ต่าง ๆ สงสัยในสิ่งที่เจ้านกกำลังทำอยู่ จึงถามว่า "นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ" เจ้านกตอบว่า "วันนี้ฟ้าจะถล่มลงมา ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ฉันก็เลยนอนแล้วเอาขาชี้ฟ้าไว้ เพื่อว่าเมื่อฟ้าถล่มลงมา จะได้ค้ำฟ้าไว้" เพื่อน ๆ สัตว์ได้แต่หัวเราะในสิ่งที่นกกระทำ แต่นกก็ยังตั้งใจอย่างแรงกล้าแล้วตอบกลับไปว่า "นี่คือสิ่งที่ฉันทำได้ ณ ตอนนี้ แล้วพวกเธอล่ะ ทำอะไรได้บ้าง" บรรดาสัตว์ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะอะไรได้บ้าง พวกมันไม่คิดที่จะช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่พยายามจะเอาตัวเองรอดเท่านั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าชวนขันเรื่องหนึ่งแต่ก็แฝงไว้ด้วยจิตสำนึกสาธารณะซึ่งอาจจะสะท้อนถึงวิถีชีวิตในปัจจุบันที่เราต้องกลับมานั่งย้อนคิดว่า ลำพังเพียงเราหนึ่งคน เราสามารถช่วยโลกได้มากแค่ไหน


สมิทธิ อินทร์พิทักษ์
๑๘ เมษายน ๒๕๖๒
ในวันที่อากาศร้อนมาก ๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น