วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การศึกษาตัวละครในวรรณกรรมสำหรับเด็ก

การศึกษาตัวละครในวรรณกรรมสำหรับเด็กเบื้องต้น
                                                                          โดย สมิทธิ อินทร์พิทักษ์


ตัวละคร ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่อง เคยมีนักวิชาการคนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า "ไม่มีตัวละครก็ไม่มีพล๊อตเรื่อง ไม่มีพล๊อตเรื่องก็ไม่มีเรื่อง" เรื่องราวในวรรณกรรมบางเรื่องเกิดขึ้นได้เพราะตัวละคร ตัวละครมีหน้าทีสำคัญในการทำให้เรื่องดำเนินไป อย่างไรก็ดีการศึกษาตัวละครและเข้าใจตัวละครเบื้องต้นทำได้ดังนี้

1.ดูที่การกระทำของตัวละคร (Actions)
การที่เราจะรู้ว่าตัวละครมีอุปนิสัยใจคอเช่นไร เบื้องต้นสามารถเห็นได้เด่นชัดด้วยการกระทำของตัวละคร เช่น ในเรื่อง "มหัศจรรย์พ่อมดแห่งออซ" สิงโตผู้ขี้ขลาดนั้นพยายามพูดแล้วเข้าใจไปว่าตัวเองขี้ขลาด อยากให้พ่อมดแห่งออซบันดาลความกล้าหาญให้ แต่กลับกันสิ่งที่สิงโตผู้นี้กระทำนั้นล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ ทำให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความขัดแย้งกันระหว่างการกระทำกับความคิดของตัวละคร

สิงโตที่ชอบกล่าวว่าตัวเองขี้ขลาด แต่มักแสดงการกระทำที่กล้าหาญอยู่บ่อยครั้ง (The Wonderful Wizard of Oz )


2.ดูที่คำพูดของตัวละคร (Speech)
หลายครั้งที่ตัวละครมักพูดบางอย่างออกมาซึ่งทำให้คาดคะเนนิสัยเบื้องต้นของตัวละครได้ว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร เป็นคนเช่นไร

3.ดูที่รูปร่างที่ปรากฎภายนอก (Appearance)
ภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็นอาจบอกลักษณะตัวละครได้ในระดับหนึ่งเช่น เสื้อผ้าที่ตัวละครใส่ ทรงผม สิ่งของที่ตัวละครใช้ ว่าเป็นคนอย่างไร มีรสนิยมอย่างไร

4.คำพูดที่ตัวละครอื่นพูดถึงตัวละคร (Other's Comments)
ในบางครั้งผู้เขียนไม่ได้บรรยายโดยตรงเกี่ยวกับตัวละคร แต่เลือกที่จะให้ตัวละครอื่นพูดถึงตัวละครแทน ดังนั้นหากผู้อ่านอยากจะเข้าใจตัวละครมากยิ่งขึ้นนั้น จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลของตัวละครจากคำพูดของตัวละครอื่น ๆ เพื่อเข้าใจตัวละครตัวนั้นมากยิ่งขึ้น

5.การบรรยายจากผู้เขียน (Author's Comments)
การบรรยายตัวละครจากผู้เขียนนั้นค่อนข้างเห็นได้่ง่าย เพราะเป็๋นการสื่อสารจากผู้เล่าเรื่อง (narrator) เอง ซึ่งมักเห็นได้ทั่วไป เช่น เธอเป็นผู้หญิงร่างบอบบาง เป็นคนย้ำคิดย้ำทำเป็นต้น

อย่างไรก็ดี 5 วิธีนี้ เป็นเพียงแค่วิธีเบื้องต้นเท่านั้นในการศึกษาตัวละคร แต่แท้จริงแล้วการศึกษาตัวละครมีความลึกซึ้งกว่านั้น หากมีเวลาจะมาเขียนให้อ่านในโอกาสต่อไป

เอกสารอ้างอิง

Lukens, Rebecca. A Critical Handbook of Children's Literature. Boston:Pearson,2007

Nikolajeva, Maria. The Aesthetic  Appoaches to Children’s Literature: An Introduction.  
    Maryland:Scarecrow,2005.




-->

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การใช้ทฤษฎี Carnival ในวรรณกรรมสำหรับเด็ก

การใช้ทฤษฎี Carnival ในวรรณกรรมสำหรับเด็ก

โดย สมิทธิ อินทร์พิทักษ์


ทฤษฎีคาร์นิวัล (Carnival) นี้มักถูกใช้อย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์วรรณกรรมสำหรับเด็ก โดยผู้คิดค้นทฤษฎีคือ Mikhail Bakhtin โดยสาระของเนื้อหาความคิดคือ สังคมที่เราอยู่นั้นเป็นโครงสร้างของอำนาจที่ผู้มีอิทธิพลเป็นคนครอบงำและมีพลัง (Power) เหนือกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ดี Bakhtin กล่าวว่า โครงสร้างดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจโดยสลับผู้ที่มีอำนาจให้กลายเป็นสิ่งที่น่าขบขัน ซึ่งในงานเขียน วรรณกรรมและศิลปะสามารถก่อให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ ต่อมาทฤษฎีคาร์นิวัลนี้ได้เริ่มถูกนำมาใช้ในงานเขียนสำหรับเด็กโดยอธิบายคำว่าอำนาจนั้นแทนที่อำนาจของผู้ใหญ่และผู้ที่ตกอยู่ในอำนาจก็คือเด็ก

 เด็กในสังคมของเรามักถูกกดอยู่ใต้อำนาจ ไร้พลัง ไร้ซึ่งแหล่งทรัพยากรทางเศรษฐกิจด้วยตัวเองเด็กเอง เช่น เงินต้องขอจากพ่อแม่ ตัวเด็กเองไม่มีอำนาจในการหาเงินเอง ไม่มีสิทธิ์มีเสียงทางการเมืองและการตัดสินใจทางสังคม ซึ่งในทางกลับกันแล้ว วรรณกรรมสำหรับเด็ก(ซึ่งเขียนโดยผู้ใหญ่) ได้หยิบยื่นความสนุกสนาน หรรษาแก่เด็กโดยให้ภาพเด็กมีความกล้าหาญ แข็งแกร่ง ร่ำรวย มีอำนาจและพึ่งพาตัวเองได้ ในสภาพที่แน่นอนและในขอบเวลาที่จำกัด ยกตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ที่ตัวละครเด็กไม่มีพ่อแม่คอยปกป้องดูแล (ภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away ซี่งพ่อแม่ของชิฮิโรถูกสาปให้กลายเป็นหมูเพราะไปกินอาหารของเทพเจ้าหรือในเรื่อง มหัศจรรย์พ่อมดแห่งออซ “The Wonderful Wizard of Oz พายุหมุนได้หอบบ้านของโดโรธีมาที่ดินแดนแห่งออซ โดยมีเพียงโดโรธีกับสุนัขของเธอชื่อโตโต้เท่านั้นที่ลอยมากับบ้าน ไม่มีป้าและลุงตามมาด้วย”) ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ตัวละครเด็กได้มีอิสระและผจญภัยทดสอบความสามารถของตนได้เต็มที่โดยลำพัง ปราศจากอำนาจของผู้ใหญ่

ฉากที่พ่อและแม่ของชิฮิโร่กลายเป็นหมูจากเรื่อง Spirited Away

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ตัวละครเด็กจะโลดแล่นในไปในดินแดนมหัศจรรย์ต่าง ๆ บุกบั่นผ่านสนามรบ ล่องทะเลใต้ ปีนภูเขาสูงสุดขอบโลก ได้เป็นราชาแห่งดินแดนอันไกลโพ้น แต่เมื่อถึงตอนจบของเรื่อง ตัวละครก็มักกลับมาพร้อมการเติบโตทางความคิดจากโลกสุดแสนมหัศจรรย์สู่โลกแห่งความเป็นจริงที่พวกเขาอยู่ โลกซึ่งพวกเขาไร้ซึ่งอำนาจและข้อต่อรอง โลกซึ่งครอบงำโดยผู้ใหญ่อีกครั้งนั่นเอง


เอกสารอ้างอิง

Lurie, Alison. Don't Tell the Grown-Ups: The Subversive Power of Children's Literature.
    New York: Back Bay Books,1998.

Nikolajeva, Maria. The Aesthetic  Appoaches to Children’s Literature: An Introduction.  
    Maryland:Scarecrow,2005.

Nikolajeva, Maria . Power, Voice and Subjectivity in Literature for Young Readers.
    New York: Routledge,2010.

Stephens, John. Language and Ideology in Children’s Fiction. London: Longman,1992






-->