ปลาแองเกลอร์ฟิชที่ขึ้นสู่ผิวน้ำดุจอุปมาของเราที่มุ่งไปสู่แสงสว่างและเส้นทางใหม่ของชีวิต

     ปลาแองเกลอร์ฟิชที่ขึ้นสู่ผิวน้ำดุจอุปมาของเราที่มุ่งไปสู่แสงสว่างและเส้นทางใหม่ของชีวิต

โดยสมิทธิ   อินทร์พิทักษ์

    ปลาแองเกลอร์ฟิช หรือ ปลาตกเบ็ด (Anglerfish) เป็นปลาทะเลน้ำลึกที่อาศัยอยู่ในความลึกตั้งแต่ 200 ถึง 2,000 เมตร   การที่ปลาชนิดนี้ว่ายน้ำขึ้นมาใกล้ผิวน้ำหรือชายฝั่งถือเป็นเหตุการณ์ที่พบได้น้อยและผิดปกติ

     เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีรายงานการพบปลาแองเกลอร์ฟิชสายพันธุ์ Black Devil ใกล้ชายฝั่งเตเนรีเฟ ประเทศสเปน นักชีววิทยาทางทะเลจากองค์กร NGO Condrik Tenerife ได้บันทึกวิดีโอของปลาตัวนี้ที่ว่ายน้ำใกล้ผิวน้ำ ห่างจากชายฝั่งเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับปลาชนิดนี้  


ภาพจากสำนักข่าว The New York Times


     สาเหตุที่ปลาแองเกลอร์ฟิชขึ้นมาสู่ผิวน้ำยังไม่เป็นที่แน่ชัด บางครั้งอาจเกิดจากความผิดปกติทางสุขภาพหรือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เช่นนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกมากขึ้น


คลิปข่าวจากสำนักข่าว CBS Evening News

    มีหลายแนวความคิดและปัจจัยที่เป็นไปได้ในการอธิบายว่าทำไมปลาตกเบ็ด (Anglerfish) ซึ่งปกติอยู่ในทะเลลึกจึงปรากฏใกล้ผิวน้ำหรือชายฝั่งได้ แม้เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็มีกรณีที่อาจเป็นไปได้ ดังนี้

      ความผิดปกติด้านสุขภาพหรืออาการบาดเจ็บ ปลาทะเลน้ำลึกบางชนิด เมื่อป่วยหรือใกล้ตาย อาจสูญเสียการควบคุมการลอยตัว (buoyancy) ทำให้ลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ระบบอวัยวะภายใน เช่น ถุงลม (swim bladder) หรือกลไกการควบคุมความดันอาจทำงานผิดปกติ

      การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ ปริมาณออกซิเจน หรือค่าความเค็ม (salinity) ในมหาสมุทรสามารถกระตุ้นให้ปลาทะเลลึกบางชนิดอพยพขึ้นมาสู่พื้นที่ที่ไม่ใช่แหล่งอาศัยปกติ

      กระแสน้ำหรือกระแสคลื่นที่เกิดจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เช่น เอลนีโญ (El Niño) หรือการเปลี่ยนแปลงกระแสน้ำลึก (deep-water current) อาจพัดพาปลาทะเลลึกขึ้นมาใกล้ผิวน้ำโดยไม่ตั้งใจ

  ความผันผวนของระบบนิเวศใต้ทะเล หากแหล่งอาหารในทะเลลึกมีความขาดแคลนหรือถูกเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อาจผลักดันให้ปลาทะเลลึกบางชนิดเสี่ยงว่ายขึ้นมาใกล้ผิวน้ำเพื่อหาอาหารหรือย้ายถิ่น

  มลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อาจมีผลกระทบต่อวัฏจักรชีวิตหรือพฤติกรรมของสัตว์น้ำลึก

     อิทธิพลจากภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา พื้นที่รอบหมู่เกาะคานารี (Canary Islands) เช่น เตเนรีเฟ เป็นบริเวณที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลหรือมีธรณีสัณฐานที่ซับซ้อน อาจมีการกระแสน้ำลึกพัดขึ้นสู่ผิวน้ำ (upwelling) นำเอาสิ่งมีชีวิตลึกขึ้นมา

           พฤติกรรมไม่ปกติหรือความบังเอิญเฉพาะตัว บางครั้งสัตว์แต่ละตัวอาจมีพฤติกรรมผิดปกติเฉพาะตัว เช่น การหลงทิศทาง ความผิดปกติของระบบประสาท หรือถูกกระแสน้ำรุนแรงพัดมาบริเวณผิวน้ำ อาจเป็นช่วงสุดท้ายของวงจรชีวิต (ใกล้ตาย) และพยายามหลีกหนีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมใต้ทะเลลึก


คลิปอนิเมชันที่เป็นไวรัลซึ่งสร้างจากข่าวดังกล่าว


        การที่พบปลาตกเบ็ดสายพันธุ์ Black Devil ใกล้ผิวน้ำและชายฝั่งนั้นอาจเกิดจากการผสมผสานกันของสาเหตุตามที่กล่าวมาข้างต้น เหตุการณ์เหล่านี้ถือเป็นโอกาสสำคัญให้มนุษย์ได้ศึกษาและเข้าใจสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกมากขึ้น ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมในมหาสมุทร ซึ่งยังคงเป็นพื้นที่ที่เรามีความรู้ค่อนข้างจำกัดอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในฐานะคนวรรณกรรมและผู้ชื่นชอบแนวคิดในเชิงปรัชญาก็อดไม่ได้ที่จะนำมาเหตุการณ์นี้มาคิดในเชิงอุปมา

    การ “โผล่พ้นสู่แสง” ของปลาตกเบ็ด อาจนำพาเราให้รำลึกถึง โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล ของริชาร์ต บาร์ก วรรณกรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวของนกนางนวลผู้กล้าปรารถนาหาความเป็นไปได้อื่น ๆ เกินกว่าจะบินแค่เพื่อหาเศษอาหาร โจนาธานเลือกฝึกบินให้สูงและไกลจนเกินขอบเขตที่ฝูงนกนางนวลทั่วไปยึดถือ การ “แหกกฎ” เช่นนี้อาจนำมาซึ่งทั้งความโดดเดี่ยวและการปฏิเสธจากกลุ่ม ทว่าผลที่ตามมาก็คือการค้นพบโลกอีกมิติหนึ่งที่เปิดกว้าง ปลดปล่อย และส่องแสงเรืองรองของ “ความเป็นไปได้” ที่ไร้ขีดจำกัด

โจนาธาน ลิฟวิงสตันนางนวล JONATHAN LIVINGSTON SEAGULL สุดยอดวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลกตำนานปีกขบถและท้องฟ้าแห่งการแสวงหาฉบับสมบูรณ์ครบสี่ภาค ผู้เขียน ริชาร์ด บาร์ก


     เมื่อมองย้อนมาที่มนุษย์ เราอาจกำลังวนเวียนอยู่ใน “ความมืด” ของกรอบคิดหรือกิเลสภายใน เช่น รัก โลภ โกรธ หลง อารมณ์ที่มักจะกักขังเราไว้ในเขตแดนคุ้นชิน จนยากจะก้าวข้ามไปสัมผัสด้านที่อยู่ไกลเกินสายตาของตนเอง หลายครั้ง สภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์บางอย่าง (เสมือนกระแสน้ำที่พัดให้ปลาตกเบ็ดขึ้นสู่ผิวน้ำ) ก็เข้ามาเขย่าชีวิตให้เรา “ล่องลอย” ออกจากจุดที่เคยยึดโยงอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติส่วนตัว การเปลี่ยนงาน การสูญเสีย หรือแม้แต่แรงบันดาลใจบางอย่างที่จู่ ๆ ก็จุดประกายความกล้าในใจ

   การเปลี่ยนแปลงนั้นอาจสร้างความหวั่นวิตก แต่บางครั้งก็เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราเรียนรู้ถึง “แสง” แห่งโลกอีกระดับ และเปิดโอกาสสู่การขัดเกลาจิตใจให้ข้ามพ้นพันธนาการ

     ในเชิงปรัชญาและจิตวิญญาณ “การก้าวพ้นความมืด” ไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธหรือตัดขาดโลกเดิมของเราเสียทีเดียว หากแต่คือการเคลื่อนที่ไปสู่ความเข้าใจและมุมมองใหม่ เพื่อค้นพบเสรีภาพที่ลึกซึ้งกว่า—คล้ายกับโจนาธานที่เข้าใจศักยภาพแห่งการบินในระดับที่นกนางนวลตัวอื่นไม่เคยรับรู้ หรือเหมือนปลาตกเบ็ดที่แม้จะเคยซ่อนอยู่ในความมืดลึก แต่เมื่อสัมผัสผิวน้ำ—ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด—มันก็ได้ “เห็น” อีกด้านหนึ่งของการมีชีวิต

    ท้ายที่สุด เรื่องราวของปลาตกเบ็ดและโจนาธาน ลิฟวิงสตัน จึงเป็นอุปมาที่เชื่อมโยงสู่การแสวงหาความหลุดพ้นในแบบมนุษย์ เราต่างมี “ทะเลลึก” หรือ “กรอบความเชื่อ” เป็นของตนเอง แต่หากวันหนึ่งเราเลือกหรือถูกบังคับให้ “ว่าย” ขึ้นสู่แสง เราอาจเผชิญความแปลกแยกไม่ต่างจากนกนางนวลผู้แหกกฎ ทว่าเส้นทางนั้นจะพาเราไปสู่ขอบฟ้าใหม่ที่ไม่ใช่แค่ดวงตาได้เห็น หากแต่คืออิสรภาพและการละวาง “รัก โลภ โกรธ หลง” ทีละน้อย จนนำทางสู่การรู้แจ้งและเติบโตภายในอย่างแท้จริง—ได้พิสูจน์ว่า “โลกเหนือผิวน้ำ” นั้นมีอยู่ แค่เราเปิดใจกล้าที่จะไปให้ถึง

    ดังนั้น ปลาตกเบ็ดผู้ขึ้นมาจากความมืดใต้ทะเลลึกหาใช่เพียงภาพผิดปกติทางชีววิทยา แต่อาจเป็นอุปมาของ “การแหกกฎ” เพื่อไปสู่การมองเห็นและเข้าใจสิ่งที่อยู่เหนือข้อจำกัด มนุษย์เรา—ภายใต้บ่วงรัก โลภ โกรธ หลง—ก็เช่นกัน หากกล้าออกจากกรอบที่เคยคุ้นและละทิ้งความยึดติด เราอาจค้นพบ “แสง” อีกแบบหนึ่งในชีวิต แสงซึ่งอบอุ่น สว่างไสว และสะท้อนถึงอิสรภาพของจิตวิญญาณ เหมือนที่โจนาธาน ลิฟวิงสตันได้พิสูจน์และแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รับรู้

        ในความมืดมีเมล็ดพันธุ์แห่งการตื่นรู้และในความสว่าง ก็อาจมีบททดสอบแห่งการเติบโตเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นปลาทะเลลึกผู้ค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นหาแสง หรือเป็นนกนางนวลผู้โบยบินสู่ฟ้ากว้าง การเลือกเดินทางเพื่อ “ข้ามพ้น” กรอบเดิมไปสู่เสรีภาพและปัญญาที่สูงขึ้น ย่อมสร้างคุณค่าและความหมายให้กับการมีชีวิตอย่างแท้จริ


ความคิดเห็น